ดาวอังคาร (Mars) เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นอันดับที่ 4 ในบรรดาดาวเคราะห์ทั้งหมด ดาวอังคารมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5 เท่าของโลก โครงสร้างภายในประกอบด้วยแก่นของแข็งมีรัศมีประมาณ 1,700 กิโลเมตร ห่อหุ้มด้วยชั้นแมนเทิลที่เป็นหินหนืดหนาประมาณ 1,600 กิโลเมตร และมีเปลือกแข็งเช่นเดียวกับโลก


เรื่องน่ารู้ของดาวอังคาร


1. ดาวอังคารมีสีแดงเนื่องจากพื้นผิวประกอบด้วยออกไซด์ของเหล็ก(สนิมเหล็ก) พื้นผิวของดาวอังคารเต็มไปด้วยหุบเหวต่าง ๆ มากมาย หุบเหวขนาดใหญ่ชื่อ หุบเหวมาริเนอริส (Valles Marineris) มีความยาว 4,000 กิโลเมตร กว้าง 600 กิโลเมตร ลึก 8 กิโลเมตร นอกจากนี้ดาวอังคารยังมีภูเขาไฟที่สูงที่สุดในระบบสุริยะชื่อ ภูเขาไฟโอลิมปัส (Mount Olympus) สูง 25 กิโลเมตร ฐานที่แผ่ออกไปมีรัศมี 300 กิโลเมตร


2. เส้นผ่านศูนย์กลางของดาวอังคารมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของเส้นผ่านศูนย์กลางโลก และเนื่องจากดาวอังคารมีมวลและขนาดที่เล็กกว่า ความโน้มถ่วงของดาวอังคารจึงมีเพียง 40% ของความโน้มถ่วงโลก ดาวอังคารมีชั้นบรรยากาศบาง ๆ ที่ประกอบด้วย แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (95%) อาร์กอน (2%) และไนโตรเจน (2%)


3. ดาวอังคารมีดวงจันทร์บริวารขนาดเล็ก 2 ดวง คือ โฟบัสและดีมอส ดวงจันทร์ทั้งสองดวงมีรูปร่างไม่สมมาตร และมีขนาดเล็กกว่า 25 กิโลเมตร สันนิษฐานว่าเป็นดาวเคราะห์น้อยที่ถูกแรงโน้มถ่วงของดาวอังคารดูดจับมาเป็นบริวาร ภายหลังการก่อตัวของระบบสุริยะ


4. พายุฝุ่นขนาดใหญ่สามารถพัดปกคลุมพื้นผิวดาวอังคารทั่วทั้งดวงได้ ทำให้พื้นผิวดาวอังคารดูแตกต่างออกไปในบางครั้ง ดาวอังคารมีขั้วน้ำแข็งที่ประกอบด้วยน้ำแข็ง และดูเหมือนว่าดาวอังคารจะเคยมีทะเลสาบอยู่บนพื้นผิวดาวเมื่อนานมาแล้ว หากดาวอังคารเคยมีน้ำในสถานะของเหลวอยู่บนพื้นผิวในอดีต ก็เป็นไปได้ว่าดาวอังคารจะเคยมีสิ่งมีชีวิต


5. ตั้งแต่ที่ยานมารีเนอร์ 4 ไปถึงดาวอังคาร ในปี ค.ศ.1964 ก็มียานจำนวนมากไปยังดาวอังคารในเวลาต่อมา รถหุ่นยนต์ออพพอร์ทูนิตี (Opportunity) และคิวรีออซิตี (Curiosity) ยานสำรวจ 2 ลำบนพื้นผิวดาวกำลังมองหาหลักฐานเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร


6. ทีมนักวิทยาศาสตร์ภายใต้ความร่วมมือขององค์การอวกาศยุโรป (ESA) และองค์การอวกาศสหพันธรัฐรัสเซีย (Roscosmos) ประกาศการค้นพบแหล่งน้ำขนาดใหญ่แห่งใหม่บนดาวอังคาร ซึ่งอยู่ใต้ผิวดินระดับตื้นบริเวณหุบผา Valles Marineris หุบผาที่ใหญ่และลึกที่สุดในระบบสุริยะ แหล่งน้ำดังกล่าวถูกค้นพบโดยดาวเทียม Trace Gas Orbiter (TGO) ซึ่งเริ่มโคจรสำรวจดาวอังคารมาตั้งแต่ปี 2016 โดยใช้อุปกรณ์ความละเอียดสูงตรวจหาอนุภาคนิวตรอนที่มีอุณหภูมิไม่ร้อนมากนัก